ดีกรีรางวัลออสการ์ถึง 7 รางวัล เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพของภาพยนตร์ความยาวร่วม 3 ชั่วโมงเป็นเรื่องราวของนายพล George S. Patton แห่งสงครามโลกครั้งที่สอง กับการนำกองทัพเข้าร่วมรบในทวีปแอฟริกา เกาะซิซิลีแห่งอิตาลี หรือการโจมตีกองทัพเยอรมันในสมรภูมิ Battle of the Bulge ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนายพลที่มีฝีมือ และนำกองทัพปราบเยอรมันมาได้ทุกสมรภูมิ แต่ศัตรูตัวฉกาจที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ก็คือ “อารมณ์” ของเขาเอง บ่อยครั้งที่เขามักหลุดปากวิจารณ์กองทัพต่าง ๆ นานา การให้สัมภาษณ์ต่าง ๆ ของเขา มักสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ใกล้ชิดและประเทศพันธมิตรต่าง ๆ บ่อยครั้ง เช่น อังกฤษและรัสเซีย เนื่องจากแพตตันเห็นว่าอเมริกาเป็นเสมือนพระรอง ที่ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงให้อังกฤษ เช่นตัวอย่างในหนัง ในช่วงที่ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการจะยึดเกาะซิซิลี เพื่อนำกองทัพเคลื่อนเข้าสู่ยุโรป จอมพลมอนต์โกเมอรี่แห่งอังกฤษ ต้องการจะให้อเมริกาเป็นฝ่ายสนับสนุนและป้องกันทางปีกให้แก่อังกฤษ แต่แพตตันไม่ยอม และทำการรบตามแผนของตนโดยการชิงบุกตัดหน้า และยึดซิซิลีได้ก่อนอังกฤษ ทำให้มอนต์โกเมอรี่เสียหน้าเป็นอย่างมาก ปัญหาของสัมพันธมิตรกับแพตตันอีกตัวอย่างคือ รัสเซีย ซึ่งแพตตันไม่ชอบที่ต้องคอยเอาอกเอาใจรัสเซีย ซึ่งถือว่ามีระบบการปกครองที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วกับอเมริกา ถ้าใครได้ฟังประโยคตอนท้ายเรื่องที่แพตตันพูดกับฝั่งรัสเซียในช่วงฉลองชัยชนะ ถือเป็นการเชือดเฉือนคำพูดของทั้งสองฝ่ายได้อย่างสุดยอดมาก นอกจากปัญหาการเมืองของฝ่ายสัมพันธมิตรด้วยกันแล้ว ตัวหนังยังบอกเล่าถึงความ “เฮี้ยบ” ของนายพลคนนี้ด้วย ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้ที่เคยร่วมงานกับแพตตันมาแล้วก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า นายพลคนนี้ “โหด” ขนาดไหน ซึ่งในภาพยนตร์ก็ได้เผยออกมาตั้งแต่การกล่าวสุนทรพจน์เริ่มเรื่อง เสมือนการ “ขู่” คนดูก่อนว่า จะได้ประสบพบเจอกับความโหดมันฮาของนายพลคนนี้อย่างแน่นอน แพตตันเข้าไปจัดการเปลี่ยนวินัยทหารตั้งแต่วันแรกที่เขาได้คุมในแอฟริกาเหนือ ระเบียบจัดขนาดไหน ก็ลองดูว่าขนาดหมอในกองทัพ แพตตันยังสั่งให้สวมหมวกเหล็กออกตรวจคนไข้เลย วีรกรรมที่เลื่องลือที่สุดวีรกรรมหนึ่งของแพตตัน ที่คนในกองทัพไม่มีวันลืม คือการ “ตบ” ทหารคนหนึ่งซึ่งร้องไห้ในแคมป์ผู้บาดเจ็บ เพราะกดดันจากภาวะสงครามต่อหน้านายพลคนนี้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่แพตตันเกลียดเข้าไส้คือ “ความขี้ขลาด” เขาเชื่อว่าผู้ที่สมควรได้นอนอยู่ในโรงพยาบาล คือผู้ที่บาดเจ็บทางกายหรือตายเท่านั้น ส่วนผู้บาดเจ็บทางใจถือว่าขี้ขลาด เขานับถือและศรัทธากับทหารที่ต่อสู้ในสนามรบจนบาดเจ็บหรือตัวตายเท่านั้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีคำสั่งย้ายเขาไปคุมกำลังให้เป็น “ฝ่ายลวง” กองทัพเยอรมันที่เมืองคาเลย์ เพื่อที่จะให้การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี สะดวกมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของแพตตันเป็นอย่างมาก ถ้าเขาไม่ทำการตบทหารคนนั้น แพตตันอาจเป็นส่วนหนึ่งในการคุมกำลังนำทัพยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีก็เป็นได้ ตัวของแพตตันนั้นเป็นส่วนผสมที่เข้ากันในทุก ๆ ด้าน ทั้งในด้านการรบที่ชอบลงมาบัญชาการรบด้วยตนเอง มีทั้งพระเดชและพระคุณ กับการแสดงออกกับทหารคนสนิทและกับทหารที่บาดเจ็บในสงคราม รวมไปถึงการที่เป็นคนเคร่งศาสนา ทำให้เขาดูอ่อนโยนและมีเมตตา แต่เมื่อไหร่ที่เขาพบเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจในสนามรบ ก็สามารถเปลี่ยนจาก “พ่อพระ” กลายเป็น “มาร” ได้ในพริบตา