มารอน แบรนโด กับบทบาทของท่านทูตอเมริกันที่เด็ดเดี่ยว(เมกันจ๋า )ในยุคของการต่อสู้ของสงครามเย็นในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กับสัญชาติเมกันที่คิดว่า เมกันสำคัญที่สุดบงการประเทศโน้นประเทศนี้ ถือไพ่อยู่ในมือที่ดูเหนือกว่าแถบเอเซีย……….แน่นอนมันคือการตัดสินใจที่ผิด สิ่งที่ Film ตีความ มันคือสัญญาณซึ่งคล้ายกับเวียดนามใต้หรือเปล่า กับสภาที่มีการแต่งตั้งเรื้อรัง กับพวกนักประท้วงที่ต่อต้าน …แค่พวกเค้ามีภาวะอารมณ์ที่รุนแรงเท่านั้น กลายเป็นคอมมิวนิตย์ไปแล้วเหรอ และมันนำไปสู่ที่หนุ่มสาวเยาวชนในอเมริกันในยุคนั้น ต่อต้าน หยุดสงครามเวียดนาม มันคือชัยชนะของพี่น้องที่ต้องการสันติภาพ และมันคือแรงผลักดันกระตุ้นให้หนุ่มสาวในยุคนั้น ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในภายหลัง ความเจ๋งของท่านนายกรัฐมนตรีสาระขัน (ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมธ) แสดงถึงความโกรธ กับอารมณ์ ที่รู้สึกในความเขลาของคนอเมริกัน ที่มารุกเกียรติ์ของพี่น้องประเทศทางเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไม่ธรรมธรรมดา นั้นคือ มารยาทในการบุกรุก และคนที่คลายปัญหาอย่างแจ่มแจ้งคือ ท่านนายกรัฐมนตรี กับการแลกเปลี่ยนความคิดกันระหว่าง ท่านนายกรัฐมนตรี แห่งสาระขันและท่านทูตอเมริกัน เรื่องการประเมิน นักประท้วงดียอง (ในเรื่องของแนวคิดคอมมิวนิตย์) ท่านทูตอเมริกัน :ผมไม่ได้หวาดกลัวดียอง …แต่พลังของพวกเค้าคือประเด็น ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า เค้าจะเลิกก่อการจลาจล สิ่งที่สำคัญของประเด็นอยู่ที่การตัดสินใจ ท่านนายกรัฐมนตรี :ความอดทน เดินสายกลาง…การตอบโต้เกินไปไม่ได้ทำให้เค้า …ลดการโต้ตอบลงได้เลย กับแนวคิดแบบอเมริกันจ๋า ท่านทูตอเมริกัน : จัดการกับดียอง ขณะที่ท่านนายกยังมีเวลา…ทำทุกวิถีทางเพื่อแยกคนของเค้าและทำทุกอย่างให้คนพวกเค้าเข้ากับฝ่ายเรา …โดยการพิสูจน์ให้เห็นว่า ถนนเสรีภาพ ที่อเมริกันให้ชาวสาระขันนั้นมีประโยชน์อย่างมาก …ให้พวกคอมมิวนิตย์รอบๆๆประเทศตระหนักว่า …ท่านนายกกำลังจะกดดัน และกระทำต่อไป …นั้นคือตัดถนนไปทางเหนือสิ้นสุดที่ชายแดนสาระขัน ..เป็ฯที่เติบโตทางเศรษฐกิจ …และเป็นการตอกย้ำให้พวกคอมมิวนิตย์เห็น ท่านนายกรัฐมนตรี : ต่อไปก็คือยั่วยุศตรูของผม…ผมเกรงว่านั้นคือเรื่องใหญ่โต ท่านทูตอเมริกัน : รัฐบาลผมเห็นว่าเป็นแผนคุ้มค่าสูงสุดเลย ท่านนายกรัฐมนตรี : และรัฐบาลท่านจะยืนเคียงข้างชาวสาระขันตามข้อตกลงหรือไม่ ผมต้องรู้ข้อตกลงของท่านมีผลมั๊ย ท่านทูตอเมริกัน :ข้อตกลงมีผลสองทาง ..รัฐบาลผมยังคงรอดูการปฎิรูประบอบประชาธิปไตยในสาระขันนี้อยู่ ท่านนายกรัฐมนตรี :ฟังน๊ะท่านทูต…แนวคิดประชาธิปไตยคือยอดปรารถนาในชีวิตของผม …แต่ผมบอกท่านหลายครั้งแล้ว การให้เสรีภาพแก่ประชาชนที่ด้อยวุติภาวะนั้นเท่ากับยื่นคร่านให้กับเด็กที่ไร้ระเบียบ ท่านทูตอเมริกัน : การขาดความเป็นประชาธิปไตยนั้นยิ่งแย่กว่า การยื่นคร่าน ให้กับพวกเค้าซ๊ะอีก เข้าใจว่าน้องชายท่านเป็นผู้บันชาการทหารสูงสุด ญาติท่านก็เป็นเจ้ากรมโยธา ท่านนายกรัฐมนตรี :…และผมจะแต่งตั้งแม่ยายผมเป็นอธิบดีกรมตำรวจ ถ้าเธอเหมาะสม…และบางครั้งผมว่าเธอเหมาะ